10 หมู่บ้านแสนสวยดั่งเทพนิยาย แคว้นอัลซาส เส้นทางแห่งไวน์ฝรั่งเศส
10 หมู่บ้านแสนสวยดั่งเทพนิยาย แคว้นอัลซาส เส้นทางแห่งไวน์ฝรั่งเศส
Alsace... ดินแดนแห่งหมู่บ้านในฝัน ที่ทุกมุมคือภาพวาด
หากคุณเคยจินตนาการถึงหมู่บ้านเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยบ้านไม้หลากสี ดอกไม้ประดับริมหน้าต่าง ถนนหินโบราณ และกลิ่นหอมของขนมอบลอยมาเบาๆ ท่ามกลางอากาศสดชื่น ที่นี่แหละคือคำตอบ
Alsace (แคว้นอัลซัส) ทางตะวันออกของฝรั่งเศส คือหนึ่งในมุมโรแมนติกที่สุดของยุโรป หมู่บ้านน่ารักอย่าง Riquewihr, Eguisheim หรือ Colmar ต่างถูกขนานนามว่าเป็น "หมู่บ้านในเทพนิยาย" ที่มีชีวิตจริง
เดินเล่นชมบ้านเรือนสไตล์ half-timbered ที่เรียงรายอย่างมีเสน่ห์ จิบไวน์ขาวแสนละมุนจากไร่องุ่นท้องถิ่น และแวะร้านเบเกอรี่ที่อบอุ่นเหมือนอยู่บ้านทุกมุม
ใครกำลังมองหาทริปชาร์จพลังใจ สัมผัสธรรมชาติ วัฒนธรรม และความละมุนในทุกก้าว Alsace รอให้คุณมาหลงรัก แล้วคุณจะรู้ว่า "ความสุข" หาไม่ยาก แค่ออกเดินทางเท่านั้นเอง
10 Fairytale Towns on the Alsace Wine Route
1. Colmar เมืองเทพนิยายแห่งแคว้นอัลซาส ฝรั่งเศส
เมืองเล็กแสนมีเสน่ห์ในแคว้นอัลซาส ทางตะวันออกของฝรั่งเศส ติดชายแดนเยอรมนี โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบบ้านครึ่งไม้ (half-timbered houses) สีสันสดใส เรียงรายอยู่ริมคลองเล็ก ๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่งดงามราวกับหลุดออกมาจากหนังสือนิทาน โดยเฉพาะในย่าน La Petite Venise หรือ "เวนิสน้อย" ที่ถือเป็นจุดไฮไลท์ของเมือง
เมืองนี้มีทั้งกลิ่นอายวัฒนธรรมฝรั่งเศสผสมเยอรมันอย่างกลมกล่อม ไม่ว่าจะเป็นอาหารท้องถิ่นอย่าง choucroute, flammekueche หรือไวน์ขาวสายพันธุ์เยี่ยมจากเส้นทางไวน์อัลซาส (Alsace Wine Route) ที่ล้อมรอบเมืองไว้
Colmar ยังเป็นเมืองต้นกำเนิดของ Frédéric Auguste Bartholdi ผู้ออกแบบเทพีเสรีภาพ และมีพิพิธภัณฑ์หลายแห่ง รวมถึง Musée Unterlinden ที่เก็บรักษาศิลปะยุคกลางและเรอเนซองส์
ในฤดูหนาว เมืองจะถูกแต่งแต้มด้วยแสงไฟและตลาดคริสต์มาสสุดอบอุ่น ส่วนฤดูใบไม้ร่วงก็เปี่ยมด้วยสีสันโรแมนติกจากใบไม้เปลี่ยนสีตัดกับบ้านหลากสีสัน
2. Eguisheim หมู่บ้านวงกลมแสนสวยแห่งอัลซาส
หนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส (Les Plus Beaux Villages de France) ตั้งอยู่ใกล้เมือง Colmar ในแคว้นอัลซาส โดดเด่นด้วยรูปแบบถนนที่เรียงตัวเป็นวงกลมล้อมรอบปราสาทเก่า และบ้านครึ่งไม้สีพาสเทลที่ตกแต่งด้วยดอกไม้ตามหน้าต่าง ให้ความรู้สึกราวกับหลุดเข้าไปในฉากนิทาน
หมู่บ้านแห่งนี้มีเสน่ห์เฉพาะตัวด้วยการผสมผสานวัฒนธรรมฝรั่งเศส-เยอรมัน ถนนหินกรวดคดเคี้ยวเหมาะแก่การเดินเล่นแบบสโลว์ไลฟ์ และเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งผลิตไวน์คุณภาพของอัลซาส โดยเฉพาะไวน์ขาวอย่าง Riesling และ Gewürztraminer
Eguisheim ยังได้รับรางวัล Village préféré des Français หรือหมู่บ้านที่ชาวฝรั่งเศสชื่นชอบที่สุดในปี 2013 และในทุกฤดูกาลหมู่บ้านแห่งนี้จะเปล่งประกายด้วยความงามต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นสีสันของดอกไม้ในฤดูร้อน ใบไม้แดงทองในฤดูใบไม้ร่วง หรือแสงไฟอบอุ่นในช่วงคริสต์มาส
3. Kaysersberg หมู่บ้านราชวงศ์และธรรมชาติที่งดงามในแคว้นอัลซาส
หมู่บ้านเล็กแสนสวยตั้งอยู่บนเส้นทางไวน์ของอัลซาส (Alsace Wine Route) โดดเด่นด้วยบรรยากาศยุคกลางที่ยังคงความสมบูรณ์ ทั้งบ้านครึ่งไม้สีสดใส สะพานเก่าแก่ข้ามแม่น้ำ Weiss และปราสาทบนเนินเขาที่สามารถชมวิวทิวทัศน์ของไร่องุ่นและหมู่บ้านโดยรอบได้อย่างกว้างไกล
ชื่อ Kaysersberg แปลว่า ภูเขาของจักรพรรดิ สะท้อนถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานและความสำคัญในยุคกลาง ปราสาท Kaysersberg ที่ตั้งตระหง่านบนยอดเขา เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญที่นักท่องเที่ยวมักขึ้นไปชมวิวและถ่ายรูป
หมู่บ้านยังเป็นแหล่งผลิตไวน์คุณภาพสูง โดยเฉพาะ Riesling และ Gewürztraminer ที่มีชื่อเสียง นอกจากนี้ในช่วงฤดูหนาว Kaysersberg จะถูกแต่งแต้มด้วยตลาดคริสต์มาสสุดอบอุ่น กลายเป็นจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยว
Kaysersberg เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการเดินชมเมืองเก่า บรรยากาศโรแมนติก และธรรมชาติที่งดงามในทุกฤดู
4. Riquewihr หมู่บ้านแห่งเทพนิยายในเส้นทางไวน์อัลซาส
Riquewihr คือหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส ตั้งอยู่ท่ามกลางไร่องุ่นเขียวขจีบนเส้นทางไวน์ของแคว้นอัลซาส (Alsace Wine Route) ห่างจาก Colmar เพียงไม่กี่กิโลเมตร ที่นี่คือสถานที่ที่นักท่องเที่ยวเปรียบว่า ดิสนีย์เวิลด์แห่งความจริง เพราะเต็มไปด้วยบ้านครึ่งไม้โบราณหลากสี ถนนแคบกรวดหิน และกลิ่นอายของยุคกลางที่ยังคงอยู่ครบถ้วน
หมู่บ้านมีสถาปัตยกรรมที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีตั้งแต่ศตวรรษที่ 16-17 ทำให้คุณสามารถเดินชมบ้านไม้สีสดใส ตกแต่งด้วยดอกไม้บนหน้าต่าง ร้านไวน์พื้นเมือง และร้านขายของที่ระลึกท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติก
Riquewihr ยังขึ้นชื่อเรื่องไวน์ขาวอย่าง Riesling และ Pinot Gris โดยมีโรงบ่มไวน์ท้องถิ่นให้แวะชิมและเรียนรู้วิถีการผลิตไวน์แบบอัลซาเชียนแท้ ๆ
ในฤดูใบไม้ร่วง หมู่บ้านจะถูกโอบล้อมด้วยไร่องุ่นสีทองตัดกับบ้านหลากสี ส่วนฤดูหนาวจะอบอวลด้วยมนต์เสน่ห์ของตลาดคริสต์มาสที่อบอุ่นและคลาสสิก
5. Ribeauvillé เมืองปราสาทและไวน์แห่งอัลซาส
เมืองเก่าเล็ก ๆ ตั้งอยู่บนเส้นทางไวน์ของแคว้นอัลซาส มีประวัติศาสตร์ยาวนานและเป็นที่รู้จักดีในฐานะ เมืองแห่งสามปราสาท (Les Trois Châteaux) ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาเหนือเมือง ซึ่งแต่ละแห่งมีเรื่องราวและสถาปัตยกรรมยุคกลางที่งดงาม
บรรยากาศของ Ribeauvillé เต็มไปด้วยบ้านครึ่งไม้สีสันสดใส สะพานหิน และถนนหินกรวดโค้งไปมาในย่านเมืองเก่า เมืองนี้ยังขึ้นชื่อในเรื่องของไวน์ โดยเฉพาะไวน์ขาวสายพันธุ์ Riesling และ Gewürztraminer ซึ่งผลิตจากไร่องุ่นที่ล้อมรอบพื้นที่
นอกจากนี้ Ribeauvillé ยังมีเทศกาลดนตรีและวัฒนธรรมที่จัดขึ้นตลอดปี เช่น เทศกาลไวน์และตลาดคริสต์มาสที่มีชื่อเสียง เป็นจุดหมายที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่รักประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และไวน์คุณภาพสูง
6. Obernai เมืองกลางไร่องุ่นที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและมนต์เสน่ห์แห่งอัลซาส
Obernai เป็นเมืองขนาดกลางแสนมีเสน่ห์ในแคว้นอัลซาส ตั้งอยู่ทางใต้ของ Strasbourg บนเส้นทางไวน์ Alsace Wine Route และถือเป็นหนึ่งในเมืองที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในภูมิภาคนี้ ด้วยการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบอัลซาเชียน วัฒนธรรมพื้นถิ่น และบรรยากาศคึกคักที่ยังคงความดั้งเดิม
ใจกลางเมืองมีจัตุรัสยอดนิยมอย่าง Place du Marché ที่ล้อมรอบด้วยอาคารไม้ครึ่งหลังคาโบราณ หอคอยโบราณ Tour de la Chapelle, ศาลากลางสไตล์เรอเนสซองส์ และโบสถ์ Sts. Pierre et Paul ที่งดงาม ทำให้การเดินเที่ยวในเมืองเต็มไปด้วยเรื่องราวและมุมถ่ายภาพสวย ๆ
Obernai ยังมีชื่อเสียงด้านการผลิตไวน์ โดยล้อมรอบด้วยไร่องุ่นเขียวขจี เหมาะแก่การชิมไวน์ขาวพื้นเมือง และสัมผัสกับวิถีชีวิตของผู้คนในภูมิภาคนี้อย่างแท้จริง
ด้วยขนาดเมืองที่ไม่ใหญ่จนเกินไป บรรยากาศอบอุ่น และสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน Obernai จึงเป็นจุดแวะพักที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเที่ยวอัลซาส ทั้งสำหรับนักเดินทางสายวัฒนธรรม สายถ่ายรูป และสายไวน์
7. Rosheim เสน่ห์โรมาเนสก์แห่งอัลซาส ที่ผสมผสานศิลปะ ประวัติศาสตร์ และไวน์
เมืองเล็กแต่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ตั้งอยู่ในแคว้นอัลซาส บนเส้นทางไวน์สายเก่าแก่ของฝรั่งเศส (Alsace Wine Route) มีชื่อเสียงในฐานะหนึ่งในเมืองที่อนุรักษ์สถาปัตยกรรมแบบ โรมาเนสก์ (Romanesque) ไว้ได้อย่างสมบูรณ์และงดงามที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค
จุดเด่นที่สุดของเมืองคือ Église Saints-Pierre-et-Paul โบสถ์หินทรายสีทองสไตล์โรมาเนสก์อายุเกือบพันปี ที่มีทั้งความเรียบง่ายและความวิจิตรในรายละเอียด เป็นหนึ่งในสมบัติทางศิลปะยุคกลางของฝรั่งเศส
ตัวเมือง Rosheim ยังรายล้อมไปด้วยบ้านครึ่งไม้แบบอัลซาเชียน ประตูเมืองเก่า กำแพงเมืองบางส่วน และบรรยากาศเงียบสงบที่ผสมกลิ่นอายประวัติศาสตร์กับความอบอุ่นของชนบท
แม้จะไม่ใช่จุดหมายหลักของนักท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่ Rosheim เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีจากความวุ่นวาย เพื่อดื่มด่ำกับสถาปัตยกรรมคลาสสิก วัฒนธรรมท้องถิ่น และไวน์ชั้นดีในบรรยากาศ Slow Life อย่างแท้จริง
8. Dambach-la-Ville เมืองไวน์แสนสงบกลางอัลซาสที่งดงามเหนือกาลเวลา
หมู่บ้านยุคกลางที่ตั้งอยู่ใจกลางเส้นทางไวน์แห่งแคว้นอัลซาส (Alsace Wine Route) และถือเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตไวน์ที่สำคัญที่สุดของภูมิภาค โดยเฉพาะไวน์ขาวจากไร่องุ่นระดับ Grand Cru Frankstein ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง
หมู่บ้านนี้มีบรรยากาศเงียบสงบและเปี่ยมเสน่ห์ เต็มไปด้วยบ้านครึ่งไม้สีสันน่ารัก ประตูเมืองเก่า ป้อมปราการหิน และโบสถ์โบราณที่แฝงไว้ด้วยประวัติศาสตร์หลายร้อยปี ถนนหินกรวดเล็ก ๆ พาให้คุณเดินชมหมู่บ้านอย่างสบายใจ ท่ามกลางทัศนียภาพของไร่องุ่นที่ทอดยาวรอบหมู่บ้าน เหมาะสำหรับสาย slow life และคนรักไวน์โดยเฉพาะ
Dambach-la-Ville ยังไม่ใช่หมู่บ้านยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวเท่ากับ Colmar หรือ Riquewihr จึงยังคงความเป็นท้องถิ่นและเงียบสงบอย่างแท้จริง เหมาะสำหรับการพักผ่อนในบรรยากาศชนบทฝรั่งเศสแบบดั้งเดิม และเป็นจุดแวะพักที่ยอดเยี่ยมหากคุณกำลังเดินทางสำรวจเส้นทางไวน์อัลซาส
9. Kintzheim หมู่บ้านเล็กกลางหุบเขา แหล่งประวัติศาสตร์และธรรมชาติในอัลซาส
Kintzheim เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เงียบสงบและเปี่ยมด้วยเสน่ห์ ตั้งอยู่บนเส้นทางไวน์แคว้นอัลซาส (Alsace Wine Route) รายล้อมด้วยไร่องุ่นเนินเขาและป่าเขียวชอุ่ม หมู่บ้านแห่งนี้มีชื่อเสียงจากการผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และธรรมชาติที่งดงาม
จุดเด่นของ Kintzheim คือ Château de Kintzheim ปราสาทโบราณบนเนินเขา ที่เป็นบ้านของ La Volerie des Aigles หรือโชว์นกนักล่าบินอิสระ (เช่น อินทรี เหยี่ยว แร้ง) ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัย นอกจากนี้ ใกล้กันยังมี La Montagne des Singes หรือ ภูเขาของลิง ซึ่งเป็นสวนธรรมชาติที่คุณสามารถเดินชมฝูงลิงบาร์บารีได้อย่างใกล้ชิดในสภาพแวดล้อมเปิด
ตัวหมู่บ้าน Kintzheim เองยังคงกลิ่นอายยุคกลาง มีบ้านครึ่งไม้โบราณที่สวยงาม โบสถ์เก่า ถนนหินกรวด และเงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อน เดินเล่น หรือแวะชิมไวน์ท้องถิ่นท่ามกลางบรรยากาศชนบทแสนอบอุ่น
10. Bergheim หมู่บ้านเงียบสงบที่เปี่ยมเสน่ห์บนเส้นทางไวน์อัลซาส
หมู่บ้านเล็ก ๆ แต่เปี่ยมมนต์ขลังแห่งแคว้นอัลซาส ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก Riquewihr และ Ribeauvillé โดยเป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี มีบรรยากาศเงียบสงบ ไม่พลุกพล่านนักท่องเที่ยว แต่แฝงไว้ด้วยเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมยุคกลาง ไร่องุ่น และกำแพงเมืองเก่าที่ยังคงตั้งตระหง่านล้อมรอบหมู่บ้านไว้
บ้านครึ่งไม้สีพาสเทลเรียงรายริมถนนกรวดโบราณ ให้ความรู้สึกเรียบง่ายแต่สวยงาม ในขณะเดียวกันก็มีจุดถ่ายรูปน่ารักหลายมุม ไม่ว่าจะเป็นประตูเมือง Porte Haute, โบสถ์เก่าแก่กลางหมู่บ้าน, หรือภาพวิวไร่องุ่นที่โอบล้อมหมู่บ้านไว้ในฤดูใบไม้ร่วง
นอกจากความงดงามทางสถาปัตยกรรมแล้ว Bergheim ยังมีชื่อเสียงในด้านไวน์คุณภาพดี โดยเฉพาะไวน์จากไร่องุ่น Grand Cru Altenberg de Bergheim ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตไวน์ขาวชั้นเยี่ยมของอัลซาส
หมู่บ้านแห่งนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสเสน่ห์อัลซาสในมุมสงบ เรียบง่าย และเป็นธรรมชาติ ไม่หวือหวาแต่เต็มไปด้วยคุณค่า
แถมอีก 2 เมืองสวยห้ามพลาดในเส้นทางแห่งไวน์
1. Strasbourg เมืองหลวงแห่งอัลซาส สะพานวัฒนธรรมฝรั่งเศสเยอรมัน
เมืองหลวงของแคว้น Alsace และเป็นหนึ่งในเมืองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สุดในฝรั่งเศส ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ติดชายแดนเยอรมนี เมืองนี้จึงผสมผสานวัฒนธรรมฝรั่งเศสและเยอรมันได้อย่างกลมกลืน ทั้งในเรื่องภาษา อาหาร สถาปัตยกรรม และวิถีชีวิต
จุดเด่นที่สุดคือ มหาวิหาร Strasbourg (Cathédrale Notre-Dame de Strasbourg) มหาวิหารสไตล์โกธิคอันยิ่งใหญ่ที่ถือเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างสูงที่สุดในยุโรปยุคกลาง และเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมือง ตัวเมืองเก่ารอบมหาวิหารได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก
ย่านที่ไม่ควรพลาดคือ La Petite France เขตเมืองเก่าริมคลองที่เต็มไปด้วยบ้านไม้ครึ่งหลังคาอันเป็นเอกลักษณ์ของอัลซาส พร้อมถนนแคบคดเคี้ยว คลองเล็ก ๆ และบรรยากาศสุดโรแมนติก
Strasbourg ยังเป็นที่ตั้งของ รัฐสภายุโรป และองค์กรระดับนานาชาติอื่น ๆ ทำให้เป็นเมืองที่ทันสมัยแต่ยังรักษาเสน่ห์ดั้งเดิมไว้ได้อย่างลงตัว
ไม่ว่าจะมาเที่ยวฤดูไหน Strasbourg ก็มีเสน่ห์ไม่ซ้ำกัน โดยเฉพาะช่วงคริสต์มาสซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดคริสต์มาสที่เก่าแก่และสวยที่สุดในยุโรป
2. Château du Haut-Koenigsbourg ปราสาทแห่งขุนเขา อันยิ่งใหญ่แห่งอัลซาส
Château du Haut-Koenigsbourg ชาโตว์ ดู โอต์-เคอนิกส์บูร์ก คือปราสาทยุคกลางที่ตั้งตระหง่านบนยอดเขาในแคว้นอัลซาส ประเทศฝรั่งเศส โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมอันสง่างามและวิวพาโนรามารอบด้าน ตัวปราสาทถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 เพื่อควบคุมเส้นทางการค้าสำคัญ และได้รับการบูรณะอย่างงดงามในต้นศตวรรษที่ 20 โดยจักรพรรดิวิลเฮล์มที่ 2 แห่งเยอรมนี
ภายในเต็มไปด้วยห้องโถง โถงอาวุธ ป้อมปราการ และสิ่งก่อสร้างที่สะท้อนความยิ่งใหญ่ของยุคกลางอย่างแท้จริง ผู้มาเยือนจะได้สัมผัสทั้งประวัติศาสตร์ ความอลังการ และธรรมชาติของเทือกเขา Vosges ในบรรยากาศที่เหมือนย้อนเวลากลับไปหลายร้อยปี